<figure class="image"><img src="https://cdn.kubix.co//cms1_AW_Feb_Kubix1100x400px_8f0d9ba2a8.jpg"></figure>โทเคนดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอีกหนึ่งประเภทที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ &nbsp;ซึ่งมีการให้ผลตอบแทนในรูปแบบคล้ายกับการที่เราถือครองหลักทรัพย์ &nbsp;โทเคนดิจิทัลสร้างขึ้นมาเพื่อ “กำหนดสิทธิ” ของผู้ถือโทเคนว่ามีสิทธิใดบ้างจากการลงทุน ซึ่งตามกฎหมายของไทยปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) จากบทความที่แล้วเราได้ทำความรู้จักโทเคนดิจิทัลกันบ้างแล้ว ดังนั้นบทความนี้จะมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างของโทเคนดิจิทัลทั้ง 2 ประเภท<figure class="image"><img src="https://cdn.kubix.co//cmsAW_Feb_Kubix1080x1080px_1_de48b0d78d.jpg"></figure>1.โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)&nbsp;เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือโทเคนในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใดๆ ของผู้ที่ดำเนินการออกโทเคนนี้ โดยมีวัตุประสงค์เพื่อให้สิทธิแก่ผู้ถือในการลงทุน เช่น สิทธิจากส่วนแบ่งรายได้ หรือผลกำไรจากการลงทุนในโครงการ และผู้ลงทุนก็คาดหวังกำไรหรือผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น &nbsp;สำหรับประเทศไทย การออกเสนอขาย Investment Token จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยต้องมีการเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนด และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.<figure class="image"><img src="https://cdn.kubix.co//cmsAW_Feb_Kubix1080x1080px_16e12d8470.jpg"></figure>2.โทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token)คือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดสิทธิ์แก่ผู้ถือโทเคนในการได้มาซึ่งสินค้าและบริการ หรือสิทธิ์อื่นใดที่เฉพาะเจาะจง เช่น สิทธิ์ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มหรือโครงการ รวมไปถึงการนำไปใช้แลกสินค้าในแพลตฟอร์มและโครงการดังกล่าว ในปัจจุบัน หากสินค้าหรือบริการนั้นพร้อมที่จะให้ใช้ประโยชน์ได้ทันทีตั้งแต่วันที่เสนอขายโทเคนดิจิทัลครั้งแรก (Utility Token แบบพร้อมใช้) ผู้เสนอขายโทเคนจะต้องจดทะเบียนซื้อขายในศูนย์ซื้อขาย ขออนุญาตเสนอขายกับ ก.ล.ต. และต้องไม่เข้าข่ายเป็นการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ &nbsp;แต่หากสินค้าหรือบริการนั้นยังไม่พร้อมที่จะให้ใช้ประโยชน์ในวันที่เสนอขาย (Utility Token แบบไม่พร้อมใช้) โดยต้องนำเงินที่ได้จากการขายไปพัฒนาแพลตฟอร์มหรือโครงการให้แล้วเสร็จ การออกเสนอขาย Utility Token แบบไม่พร้อมใช้ ก็จะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับ Investment Token ที่จะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. มีการเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนดและต้องเสนอขายผ่าน ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.เปรียบเทียบ Investment Token และ Utility Token &nbsp;เมื่อเทียบแต่ละโทเคนและกรณีการใช้ที่แตกต่างกัน ในกรณีของ Investment Token สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือสิทธิประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนในโทเคนตามข้อตกลงที่อยู่ใน White Paper เช่น สิทธิการรับผลตอบแทนจากโครงการหรือสินทรัพย์นั้นๆ &nbsp;สำหรับ Utility Token นั้น ผู้ถือโทเคนจะสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าหรือแลกรับบริการตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด เช่น ส่วนลดการซื้อสินค้าหรือบริการของโครงการใดโครงการหนึ่งโดยเฉพาะ&nbsp;การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน&nbsp;

โทเคนดิจิทัล เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอีกหนึ่งประเภทที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งมีการให้ผลตอบแทนในรูปแบบคล้ายกับการที่เราถือครองหลักทรัพย์  โทเคนดิจิทัลสร้างขึ้นมาเพื่อ “กำหนดสิทธิ” ของผู้ถือโทเคนว่ามีสิทธิใดบ้างจากการลงทุน ซึ่งตามกฎหมายของไทยปัจจุบันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) จากบทความที่แล้วเราได้ทำความรู้จักโทเคนดิจิทัลกันบ้างแล้ว ดังนั้นบทความนี้จะมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างของโทเคนดิจิทัลทั้ง 2 ประเภท

Utility Token และ Investment Token แตกต่างกันอย่างไร